ในปี 2530 นายวินัย เตียวสมบูรณ์กิจ ผู้ก่อตั้งบริษัทฯ ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารและประธานกรรมการบริหาร เริ่มดำเนินกิจการฟาร์มเลี้ยงไก่แห่งแรกในจังหวัดลพบุรี โดยมีกำลังการผลิต วันละ 20,000 ตัว และบมจ. ไทยฟู้ดส์ กรุ๊ป จำกัด ได้จดทะเบียนจัดตั้งในประเทศไทยเมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2544 ภายใต้ชื่อ บริษัท ไทยฟู้ด (2001) จำกัด ต่อมาเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2545 บริษัทฯ ได้จดทะเบียนเปลี่ยนชื่อบริษัทเป็นบริษัท ไทยฟู้ดส์ โพลทรีย์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด และในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2555 บริษัทฯ ได้จดทะเบียนเปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น บริษัท ไทยฟู้ดส์ กรุ๊ป จำกัด และบริษัทฯ ได้แปรสภาพบริษัทเป็นบริษัทมหาชนจำกัด และจดทะเบียนเปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น บริษัท ไทยฟู้ดส์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2557
สรุปลำดับเหตุการณ์สำคัญของเครือบริษัท ไทยฟู้ดส์ กรุ๊ป
2544
ก่อตั้งบริษัท ไทยฟู้ด (2001) จำกัด
2545
เปลี่ยนชื่อบริษัท เป็น บริษัท ไทยฟู้ดส์ โพลทรีย์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด
2546
เริ่มดำเนินธุรกิจโรงผลิตชิ้นส่วนไก่โรงแรกในจังหวัดกาญจนบุรี มีกำลังการผลิตไก่ 139,000 ตัวต่อวัน
2547
เริ่มดำเนินธุรกิจฟาร์มไก่พ่อแม่พันธุ์ โดยการซื้อฟาร์มไก่พ่อแม่พันธุ์จำนวน 3 ฟาร์มและ โรงฟักไข่จำนวน 1 โรงในจังหวัดชลบุรี ทำให้กำลังการผลิตไก่พ่อแม่พันธุ์ของบริษัทฯ เพิ่มขึ้นเป็น 312,000 ตัว และเพิ่มกำลังการผลิตของโรงฟักไข่ของบริษัทฯ เป็น 699,840 ฟองต่อสัปดาห์
2550
เริ่มดำเนินธุรกิจฟาร์มสุกรปู่ย่าพันธุ์ฟาร์มแรกในจังหวัดกาญจนบุรี โดยมีกำลังการผลิต 1,900 ตัว
เริ่มดำเนินธุรกิจโรงผลิตอาหารสัตว์โรงแรกในจังหวัดสุพรรณบุรี โดยมีกำลังการผลิตอาหารสัตว์ 30,000 ตันต่อเดือน
2553
เริ่มดำเนินธุรกิจฟาร์มสุกรทวดพันธุ์ฟาร์มแรกในจังหวัดกาญจนบุรี โดยมีกำลังการผลิต 450 ตัว
2554
เริ่มดำเนินธุรกิจฟาร์มไก่พันธุ์ไข่ฟาร์มแรกในจังหวัดกาญจนบุรี โดยมีกำลังการผลิต 38,400 ตัว
2555
เปลี่ยนชื่อบริษัท เป็นบริษัท ไทยฟู้ดส์ กรุ๊ป จำกัด
เริ่มดำเนินธุรกิจฟาร์มสุกรพ่อแม่พันธุ์ฟาร์มแรก ในจังหวัดนครสวรรค์ โดยมีกำลังการผลิตสุกรพ่อแม่พันธุ์ 1,800 ตัว
เข้าซื้อกิจการของ บริษัท ไทยฟู้ดส์ รีเสิร์ซ เซ็นเตอร์ จำกัด และบริษัท ไทยฟู้ดส์ เลเยอร์ ฟาร์ม จำกัด ซึ่งเดิมนายวินัย เตียวสมบูรณ์กิจและผู้ที่เกี่ยวข้อง ถือหุ้นโดยตรง และ/หรือมีอำนาจควบคุมในบริษัทดังกล่าว
2556
เริ่มดำเนินธุรกิจเลี้ยงสุกรในประเทศเวียดนามและเริ่มดำเนินธุรกิจฟาร์มสุกรปู่ย่าพันธุ์ฟาร์มแรกในประเทศเวียดนาม โดยใช้ระบบเกษตรแบบพันธะสัญญาโดยมีกำลังการผลิตสุกรปู่ย่าพันธุ์ 700 ตัว และเริ่มดำเนินธุรกิจฟาร์มสุกรพ่อแม่พันธุ์ฟาร์มแรกในประเทศเวียดนาม โดยมีกำลังการผลิต 1,400 ตัว
เริ่มดำเนินธุรกิจโรงผลิตอาหารสัตว์โรงใหม่ในจังหวัดปราจีนบุรี โดยมีกำลังการผลิต อาหารสัตว์ 50,000 ตันต่อเดือน ซึ่งทำให้กำลังการผลิตอาหารสัตว์ของบริษัทฯ เพิ่มขึ้นเป็น 120,000 ตันต่อเดือน
เข้าซื้อกิจการของ บริษัท ไทยฟู้ดส์ สไวน ฟาร์ม จำกัด ซึ่งเดิมนายวินัย เตียวสมบูรณ์กิจ และผู้ที่เกี่ยวข้องถือหุ้นโดยตรง และ/หรือมีอำนาจควบคุมในบริษัทดังกล่าว
2557
เริ่มดำเนินกิจการโรงผลิตชิ้นส่วนสัตว์โรงใหม่ในจังหวัดปราจีนบุรี โดยมีกำลังการผลิตรวม 150,000 ตัวต่อวัน ซึ่งทำให้กำลังการผลิตไก่ของบริษัท เพิ่มขึ้นเป็น 440,000 ตัวต่อวัน
เริ่มดำเนินกิจการโรงฟักไข่โรงใหม่ในจังหวัดกาญจนบุรีทำให้กำลังการผลิตโรงฟักไข่ของบริษัทเพิ่มขึ้นเป็น 4,878,720 ฟองต่อสัปดาห์
2557
เปลี่ยนฟาร์มไก่พ่อแม่พันธุ์จำนวน 1 ฟาร์ม เพื่อนำไปใช้เลี้ยงลูกไก่พันธุ์ไข่ ซึ่งเดิมบริษัท ให้เกษตรกรฯ เป็น ผู้เลี้ยงลูกไก่พันธุ์ไข่ทั้งหมด และในช่วงเวลาเดียวกัน การก่อสร้างฟาร์มไก่พ่อแม่พันธุ์ฟาร์มใหม่ในจังหวัดสระแก้ว ของบริษัทแล้วเสร็จพร้อมดำเนินการ เพื่อเป็นการทดแทนฟาร์มไก่พ่อแม่พันธุ์เดิมจึงทำให้กำลังการผลิตไก่ พ่อแม่พันธุ์ของบริษัทเพิ่มขึ้นเป็น 1,716,900 ตัว เนื่องจากฟาร์มไก่พ่อแม่พันธุ์ฟาร์มใหม่มีกำลังการการผลิต ที่สูงกว่าฟาร์มเดิม
2557
เริ่มดำเนินธุรกิจฟาร์มสุกรพ่อแม่พันธุ์แห่งใหม่จำนวน 2 ฟาร์ม ในจังหวัดกาญจนบุรี และจังหวัดนครราชสีมา ซึ่งทำให้กำลังการผลิตของฟาร์มสุกรพ่อแม่พันธุ์ของบริษัท เพิ่มขึ้นจาก 8,950 ตัว เป็น 12,000 ตัว (รวมฟาร์ม สุกรพ่อแม่พันธุ์ในประเทศเวียดนาม ซึ่งมีกำลังการผลิตสุกรพ่อแม่พันธุ์จำนวน 1,400 ตัว)
เริ่มเช่าและดำเนินธุรกิจสุกรปู่ย่าพันธุ์แห่งใหม่จำนวน 1 ฟาร์ม ในจังหวัดปราจีนบุรี ซึ่งทำให้กำลังการผลิตของ ฟาร์มสุกรปู่ย่าพันธุ์ของบริษัทเพิ่มขึ้นจาก 5,300 ตัว เป็น 8,000 ตัว
เข้าซื้อกิจการของบริษัท อโยธยา อกรี เทค จำกัด บริษัท ไทยฟู้ดส์ สไวน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด และ บริษัท ที พาราก้อน โฮลดิ้ง จำกัด ซึ่งเดิมนายวินัย เตียวสมบูรณ์กิจ และผู้ที่เกี่ยวข้องถือหุ้นโดยตรง และ/หรือ มีอำนาจควบคุมในบริษัทดังกล่าว
2557
ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นของ บมจ. ไทยฟู้ดส์ กรุ๊ป ครั้งที่ 4/2557 เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2557 มีมติอนุมัติ
- การจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงมูลค่าที่ตราไว้จากหุ้นละ 100 บาท เป็นหุ้นละ 1 บาท โดยเป็นผลให้จำนวนหุ้น ที่ออกแล้วเพิ่มจาก 37,500,000 หุ้น เป็น 3,750,000,000 หุ้น
- การเพิ่มทุนจดทะเบียนจาก 3,750,000,000 เป็น 5,400,000,000 บาท โดยจัดสรรให้ผู้ถือหุ้นเดิมจำนวน ไม่เกิน 250,000,000 หุ้น และ จัดสรรหุ้นเพิ่มทุนเสนอขายแก่ประชาชนทั่วไป (IPO) จำนวนไม่เกิน 1,400,000,000 หุ้น
ณ วันที่ 18 สิงหาคม 2557 บมจ. ไทยฟู้ดส์ กรุ๊ป ได้แปรสภาพบริษัทเป็นบริษัทมหาชนจำกัดและได้เปลี่ยนชื่อ เป็น บริษัท ไทยฟู้ดส์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)
2557
ณ วันที่ 14 พฤศจิกายน 2557 บมจ. ไทยฟู้ดส์ กรุ๊ป ได้จดทะเบียนเพิ่มทุนชำระแล้วจาก 3,750,000,000 บาท เป็น 4,000,000,000 บาท ซึ่งเป็นผลจากการจัดสรรหุ้น จำนวน 250,000,000 หุ้น ให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิม
2558
ในไตรมาสที่หนึ่งของปี 2558 บมจ. ไทยฟู้ดส์ กรุ๊ป ได้เริ่มส่งออกเนื้อไก่ให้แก่ลูกค้าในประเทศญี่ปุ่น จำนวนประมาณ 504 ตัน และลูกค้าในกลุ่มสหภาพยุโรป จำนวนประมาณ 120 ตัน
นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้เริ่มจำหน่ายผลิตภัณฑ์แปรรูปประเภทไส้กรอก โดยเข้าทำความตกลงกับผู้ผลิตอาหารแปรรูป เพื่อผลิตไส้กรอกไก่จากเนื้อไก่ของบริษัทฯ ภายใต้ตราสินค้าของบริษัทฯ (OEM)
2558
เนื่องจากระยะเวลาที่ บมจ. ไทยฟู้ดส์ กรุ๊ป จะขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แล้วเสร็จอาจเกินกำหนดระยะเวลา 1 ปี นับแต่วันที่ 5 สิงหาคม 2557 ซึ่งที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 4/2557 ของบริษัทฯ มีมติอนุมัติการเพิ่มทุนและการจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนเพื่อเสนอขายแก่ประชาชนทั่วไป (IPO) ดังนั้น ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นของ บมจ. ไทยฟู้ดส์ กรุ๊ป ครั้งที่ 2/2558 เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2558 จึงได้มีมติอนุมัติเรื่องที่เกี่ยวข้องดังต่อไปนี้
- การลดทุนจดทะเบียนจาก 5,400,000,000 บาท เป็น 4,000,000,000 บาท โดยการตัดหุ้นของบริษัทที่ยังไม่ได้ออกจำหน่ายจำนวน 1,400,000,000 หุ้น
- การเพิ่มทุนจดทะเบียนจาก 4,000,000,000 บาท เป็น 5,400,000,000 บาท โดยจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนเสนอขายแก่ประชาชนทั่วไป (IPO) จำนวนไม่เกิน 1,400,000,000 หุ้น
2558
บมจ. ไทยฟู้ดส์ กรุ๊ป ได้จดทะเบียนมติลดทุน และมติเพิ่มทุน ต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ณ วันที่ 11 สิงหาคม 2558 และ วันที่ 13 สิงหาคม 2558 ตามลำดับ
บริษัทเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2558
ในเดือนธันวาคม 2558 บริษัท ทีพาราก้อน โฮลดิ้ง จำกัด ได้ชำระเงินค่าหุ้นเพิ่มทุนของ SEVEN FOODS Company Limited (“SEVEN FOODS”) ด้วยเงินลงทุน 32 ล้านเยน หรือคิดเป็น 9.6 ล้านบาท เพื่อร่วมลงทุนใน SEVEN FOODS ในสัดส่วนร้อยละ 45.71
2559
ณ วันที่ 8 เมษายน 2559 โรงงานไส้กรอกไก่ ที่จังหวัดปราจีนบุรี เริ่มดำเนินการผลิตอย่างเป็นทางการ
ณ วันที่ 7 มิถุนายน 2559 ใบสำคัญแสดงสิทธิครั้งที่ 1 (TFG-W1) ที่ออกให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัท ในอัตราส่วน 10 สามัญเดิมต่อ 1 ใบสำคัญแสดงสิทธิ เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยอัตราใช้สิทธิ เท่ากับ 1 หุ้นสามัญ ต่อ 1 ใบสำคัญแสดงสิทธิ ราคาใช้สิทธิเท่ากับ 2.50 บาทต่อหุ้น ดังนั้น จึงได้มีการเปลี่ยนแปลงทุนจดทะเบียนเพื่อรองรับการใช้สิทธิของใบสำคัญแสดงสิทธิ จาก 5,100,000,000 บาท เป็น 5,610,000,000 บาท
2559
ณ วันที่ 22 สิงหาคม 2559 บริษัทได้จดทะเบียนจัดตั้งบริษัท ไทยฟู้ดส์ เฟอร์เธอร์ จำกัด เพื่อดำเนินธุรกิจผลิตและจำ หน่ายไก่ปรุงสุก ด้วยทุนจดทะเบียนแรกเริ่ม 20,000,000 บาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญ 200,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 100 บาท และมีทุนจดทะเบียนชำระแล้ว 5,000,000 บาท บริษัทถือหุ้นร้อยละ100 ของทุนจดทะเบียน
2560
ณ วันที่ 6 มกราคม 2560 บริษัทได้เข้าซื้อหุ้น บริษัท บิ๊ก ฟู้ดส์ กรุ๊ป จำกัด (“บิ๊ก ฟู้ดส์”) ซึ่งดำเนินธุรกิจเลี้ยงไก่เนื้อ และมีโรงชำแหละชิ้นส่วนไก่โดยการซื้อหุ้นสามัญเดิมจากผู้ถือหุ้นเดิมจำนวน 100,016 หุ้น และวันที่ 24 มกราคม 2560 ซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 200,000 หุ้น รวมเป็นจำนวน 300,016 หุ้น ในราคาหุ้นละ 200 บาทต่อหุ้น (มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 100 บาทต่อหุ้น) หรือคิดเป็นมูลค่ารวม 60,003,200 บาท คิดเป็นสัดส่วนการถือหุ้นเท่ากับร้อยละ 75.004 ของทุนจดทะเบียน (ทุนจดทะเบียนภายหลังจากการเพิ่มทุนของ บิ๊ก ฟู้ดส์)
วันที่ 11 มกราคม 2560 บริษัทได้จดทะเบียนเพิ่มทุนชำระแล้ว จาก 5,100,000,000 บาท เป็น 5,108,664,700 บาท เนื่องจากการใช้สิทธิแปลงสภาพของใบสำคัญแสดงสิทธิครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 2559
2560
ณ วันที่ 12 มกราคม 2560 บริษัทได้จดทะเบียนเพิ่มทุนของ บริษัท ไทยฟู้ดส์ เฟอร์เธอร์ จำกัด จากเดิม ทุนจดทะเบียน 20,000,000 บาท ทุนชำระแล้ว 5,000,000 บาท เป็น ทุนจดทะเบียน 100,000,000 บาท ทุนชำระแล้ว 25,000,000 บาท (มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 100 บาท)
วันที่ 12 มกราคม 2560 บริษัทได้จดทะเบียนจัดตั้งบริษัท ไทย เนชั่นแนล โลจิสติกส์ จำกัด เพื่อดำเนินธุรกิจขนส่ง ด้วยทุนจดทะเบียนแรกเริ่ม 60,000,000 บาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญ 6,000,000 หุ้น มูลค่า ที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท และมีทุนจดทะเบียนชำระแล้ว 15,000,000 บาท บริษัทถือหุ้นร้อยละ100 ของทุนจดทะเบียน
2560
ในเดือนเมษายน 2560 บริษัทได้เริ่มดำเนินการโรงชำแหละสุกรที่จังหวัดขอนแก่น
วันที่ 4 พฤษภาคม 2560 บริษัทได้จดทะเบียนเพิ่มทุนเพื่อรองรับการออกและจัดสรรใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัทครั้งที่ 2 ทำให้มีทุนจดทะเบียนจำนวน 6,138,160,412 หุ้น ทุนที่ออกและชำระแล้วจำนวน 5,108,664,700 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท
2561
วันที่ 10 มกราคม 2561 บริษัทได้จดทะเบียนเพิ่มทุนชำระแล้วจาก 5,109,396,600 บาท เป็น 5,112,905,700 บาท
วันที่ 13 มีนาคม 2561 บริษัท ไทย ฟู้ดส์ เลเยอร์ ฟาร์ม จำกัด เปลี่ยนชื่อเป็นบริษัท ไทยฟู้ดส์ เซอร์วิส แอนด์ ซัพพลาย จำกัด โดยดำเนินธุรกิจจำหน่ายผลิตภัณฑ์ไก่และสุกร
วันที่ 9 กรกฎาคม 2561 บริษัทได้จดทะเบียนเพิ่มทุนชำระแล้วจาก 5,112,905,700 บาท เป็น 5,113,305,700 บาท
วันที่ 28 ธันวาคม 2561 ขายหุ้นบิ๊ก ฟู้ดส์ ซึ่งดำเนินธุรกิจเลี้ยงไก่เนื้อและมีโรงชำแหละชิ้นส่วนไก่
2562
วันที่ 9 มกราคม 2562 บริษัทได้จดทะเบียนเพิ่มทุนชำระแล้วจาก 5,113,305,700 บาท เป็น 5,176,628,660 บาท เนื่องจากการใช้สิทธิแปลงสภาพของ TFG-W1 ครั้งที่ 5 และTFG-W2 ครั้งที่ 3 เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2561
วันที่ 27 พฤษภาคม 2562 บริษัทได้จดทะเบียนเพิ่มทุนชำระแล้วจาก 5,176,628,660 บาท เป็น 5,607,572,686 บาท เนื่องจากการใช้สิทธิแปลงสภาพของ TFG-W1 ครั้งที่สุดท้าย เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2562
2562
วันที่ 17 มิถุนายน 2562 บริษัทเข้าลงทุนในบริษัท ฟูด เบลสซิ่ง (1988) จำกัด (“FBC”) ซึ่งประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ซอสและเครื่องปรุงรส ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ โดยการซื้อหุ้นสามัญเดิมจากผู้ถือหุ้นเดิมของ FBC จำนวน 1,800,000 หุ้น ในราคาหุ้นละ 155.86 บาท (มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 100 บาท) หรือคิดเป็นมูลค่า 280.56 ล้านบาท โดยสัดส่วนการถือหุ้นเท่ากับร้อยละ 100.00 ของทุนจดทะเบียนของ FBC นอกจากนี้ FBC มีบริษัทย่อย คือบริษัท เอฟบีซี เอ็กซ์ซิม จำกัด ( “FBC Exim” )
2562
วันที่ 12 กันยายน 2562 บริษัทอนุมัติให้ตั้งบริษัทย่อยแห่งใหม่ ชื่อว่า บริษัท ทีเอฟ เทค จำกัด เพื่อประกอบกิจการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน (โซลาร์ฟาร์มลอยน้ำ) ดำเนินงานโครงสร้างด้านวิศวกรรม และเทคโนโลยี โดยบริษัทถือหุ้นร้อยละ 76 ของทุนจดทะเบียน
วันที่ 7 พฤศจิกายน 2562 บริษัท ไทย เนชั่นแนล โลจิสติกส์ จำกัด (“TNL”) เปลี่ยนแปลงชื่อบริษัทเป็น บริษัท ไทย ฟู้ดส์ กรีน เอนเนอร์จี้ จำกัด (“TFGE”) เข้าถือหุ้นในบริษัท ทีเอฟ เทค จำกัด (“TF Tech”) แทนบริษัท และเปลี่ยนสัดส่วนการถือหุ้นใน TF Tech จากร้อยละ 76 ของทุนจดทะเบียนเป็นร้อยละ 40 ของทุนจดทะเบียน จึงทำให้ TF Tech พ้นสถานะจากการเป็นบริษัทย่อยของบริษัท